วันอาทิตย์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

ทำบุญ...10 บาท 20 บาท กับคนต่างกัน ทำไม? ถึงผลบุญไม่เท่ากันล่ะ

           
              ปกติเช้าๆ เวลาไปใส่บาตร หรือเวลาผมเข้าวัด ภาพที่ผมมักจะเห็นบ่อยๆเลยคือ นักบุญท้้งหลาย ถ้าเลือกได้ มักจะเลือก ทำบุญกับพระที่มีอาวุโส หรือ ท่านเจ้าอาวาส แม้กระทั่งงานบุญใหญ่ๆ ที่มีการนิมนต์พระสงฆ์มาเป็นจำนวนมาก เจ้าภาพจัดงานก็จะจัดให้มีบาตร และกล่องสำหรับให้เรา หยอดเงินทำบุญ และใส่บาตร อยู่ข้างหน้าพระท่าน ผมก็จะเห็นว่า ผู้คนส่วนมาก มักจะเลือกทำบุญกับพระเกจิ หรือ พระที่มีอาวุโสก่อน เป็นลำดับแรกๆ ส่วนพระเณร หนุ่มๆ เณรน้อย ทั้งหลาย ก็จะได้รับอานิสงลดน้อยลงไปตามลำดับ นั่นเพราะเราเชื่อว่า ทำบุญกับพระเกจิ หรือพระที่มีอาวุโส จะได้บุญมากกว่า
             สำหรับนักบุญทั้งหลาย ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรนะครับ แม้ตัวผมเองก็ทำพฤติกรรมที่ว่านี้เหล่ะครับ....อ้าว แล้วจะพูดทำไม?
             เรื่องนี้ สำหรับคนที่ศึกษาธรรมมะ มาบ้างแล้วคงทราบดี ถึงได้มีเจตนาทำกันแบบนั้น ผมขอเอาสิ่งที่พระพุทธองค์ ทรงสอนไว้ มาบอกสั้นๆนิดนึงครับ คือ การทำบุญกับพระ หรือ บุคคลที่มีศีล ไม่เท่ากัน หรือมีบุญมากๆไม่เท่ากัน อานิสงค์ หรือผลของบุญย่อมได้ไม่เท่ากัน อันนี้สมมุติว่าปัจจัยอื่นๆที่เป็นตัวแปรเท่ากันนะครับ เช่น เงินสิบบาทเท่ากัน กำลังใจของผู้ทำมีเท่ากัน ทานที่ทำบริสุทธิเหมือนกัน ไม่ได้ไปเบียดเบียนของใครมา
             ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น? ให้เปรียบเทียบง่ายๆครับ เช่น เราเอาข้าวให้กับหมา แมวกิน เอาให้คนจนไม่มีจะกิน เอาให้มิจฉาชีพกิน เอาให้พระสงฆ์แท้ๆฉันท์
บุคคลเหล่านี้  หรือสัตว์เลี้ยง เป็นผู้ที่ไปทำประโยชน์ หรือทำความเดือดร้อนให้กับผู้อื่น ไม่เท่ากันครับ การให้ของเราจึงเป็นการให้ที่ไปส่งเสริมให้เกิดผลกระทบในภายหลังที่ไม่เท่ากัน บุญจึงไม่เท่ากัน อันนี้เป็นเพียงยกตัวอย่างในเรื่องของบุญจากการทำทานนะครับ จริงๆแล้ว บุญเกิดได้จากหลายๆทาง และก็ผลของบุญจากการกระทำแต่ละอย่าง ก็ได้ผลต่างกัน ไม่เท่ากัน เช่นกันครับ
             ถ้าอย่างนั้น เราควรจะต้องเลือกทำบุญ ทำทานกับ วัดดังๆ พระดังๆ ถูกต้องมั๊ยครับ บางท่านก็ว่า ฉันขอทำบุญกับวัดเล็กๆ วัดป่า ดีกว่า วัดโน้น วัดนี้ รวยแล้ว? บ้างก็ว่า งั้นไม่ให้ตัง ขอทานตามถนนแระ  หมาแมว ก็ไม่ต้องให้ละ? ไม่คุ้ม?
             สำหรับผม ผมคิดอย่างนี้นะครับ ผมตีความตามความเข้าใจของผมเป็นหลักคิดแบบนี้ครับ ผมอ้างอิงตามที่พระพุทธองค์ท่าน สั่งสอนว่า ทุกอย่างในโลกนี้ ให้ยึดหลักสายกลาง หรือสมดุลย์ ซึ่งสายกลาง หรือสมดุลย์ของแต่ละคนย่อมไม่เท่ากันครับ
             ถ้าท่านมีเงิน มีทรัพย์ เหลือกิน เหลือใช้มากพอที่จะแบ่งปันไปได้หลายๆทาง ท่านควรที่จะทำบุญตามโอกาสที่ท่านมีครับ คือ เมื่อมีโอกาสทำบุญกับเนื้อนาบุญที่ท่านมั่นใจท่านก็ทำ มากน้อยแล้วแต่กำลังใจที่มี จะวัดดัง ไม่วัดดัง ถ้าท่านมั่นใจ ท่านทำไปเหอะครับ แต่เมื่อท่านเจอโอกาสในการทำบุญให้ทาน กับวัดเล็กๆ พระเณรน้อย หรือ คนยากคนจน ท่านก็ควรต้องทำโดยไม่ พะวงบุญที่จะได้รับครับ ว่าจะด้อย หรือน้อยลงไป เพราะกำลังบุญเก่าท่านมีเยอะจนไม่ควรพะวงแล้ว
             แต่...สำหรับคนที่มีเงิน หรือทรัพย์น้อยหน่อย ไม่มากพอที่จะทำบ่อยๆ หรือ ทำแบบไม่เลือก ผมว่า...ทำแบบพิจารณาบ้าง น่าจะดีกว่าครับ อ้าว...ทำไมล่ะ?
            ผมมองว่า เหตุที่เรามีทรัพย์น้อย เงินน้อย ก็เพราะกำลังบุญเก่าเราน้อย ถ้าเราทำบุญใหม่ในชาตินี้ โดยไม่เลือกบ้าง ตัวคูณที่จะช่วยกำลังบุญเรา ก็จะน้อยไปด้วย เช่น ถ้าท่านมัวทำบุญกับหมาแมว แล้วคิดว่าดีกว่า เห้อ...ตังค์ก็น้อย แล้วยังบุญน้อย เมื่อไหร่ จะได้ลืมตาอ้าปาก มาทำบุญหนักๆ กับคนอื่นเขาละครับ
            แต่ว่า...ถ้าไม่มีโอกาสให้เลือก คือบางที เช่น เดินไปเจอขอทาน แล้วมีเศษสตางค์อยู่ในกระเป๋า และไม่เดือดร้อนกับเงินจำนวนนั้น (เช่นให้ไป แล้วต้องเดินกลับบ้านอีกสิบกิโล) มีโอกาส ก็ควรต้องทำเช่นกันครับ หรือบางทีไปเที่ยวต่างจังหวัด เข้าวัดไปทำบุญต่างสถานที่ บ้างก็ได้ครับ อย่าไปจำกัดว่า วัดที่ฉันทำประจำดีที่สุด ต่างวัดฉันไม่ทำ อันนี้ถือเป็นนักบุญ มิจฉาทิฐิครับ เพราะแม้แต่พระพุทธองค์ ยังไม่สนับสนุนการทำบุญโดยเฉพาะเจาะจงกับพระองค์เลย ยังให้ทำเป็นสังฆทาน ซึ่งได้บุญมากกว่าอีก
            สรุปว่า...การทำบุญที่แท้จริงแล้ว โดยเฉพาะเรื่องของการให้ทาน เป้าประสงค์จริงๆแล้ว เป็นไปเพื่อการเสียสละ ไม่ยึดติดกับสิ่งของ ให้รู้จักสละออกไปเสียบ้าง เป็นเป้าหลัก ส่วนบุญที่จะได้มา ยังไงก็ได้อยู่แล้ว จะได้มาก ได้น้อย เป็นเรื่องรองที่คงต้องพิจารณาบ้าง ตามกำลัง สารรูปของผู้ทำ ทำอะไรไม่คิดพิจารณาบ้าง อันนี้พระพุทธองค์ก็ไมปลื้มครับ ย้ำครับทางสายกลาง น่าจะดีที่สุดครับ และอย่าลืมนะครับก่อนจะทำบุญ ทำทานกับคนนอกบ้าน ลองหันมามอง คนในบ้านบ้างนะครับ ว่าท่านช่วยเหลือ เกื้อกูลบ้างหรือเปล่า โดยเฉพาะ พ่อ แม่ หรือพระในบ้านของเรานี่เหล่ะครับ ส่วนพี่ น้อง ในสายเลือด หากว่าเขาเดือดร้อน  ช่วยได้ ก็ต้องช่วยนะครับ สาธุๆๆ
           
           

5 ความคิดเห็น: